หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย

 

การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย


ประเทศมาเลเซียจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2556 หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2556 โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐ 12 จาก 13 รัฐ (ยกเว้นรัฐซาราวัก) หลังธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ให้จัดการเลือกตั้งเหล่านี้พร้อมกัน  พรรครัฐบาล แนวร่วมแห่งชาติ (BN) ที่ครอบงำโดยพรรคอัมโนของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ ได้รับเสียงข้างมาก แม้พรรคปากาตัน รักเกียตที่ตั้งโดยพรรคการเมืองฝ่ายค้านสามพรรค จะได้รับเสียงจากประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ เพราะที่นั่งมิได้จัดสรรตามสัดส่วน แต่ในระดับเขตเลือกตั้ง ตามระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด (first-past-the-post system) อย่างไรก็ดี พรรคฝ่ายค้านมีที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่พรรครัฐบาลเสียที่นั่งเล็กน้อย




สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเเลซีย ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเตรียมเหมาเครื่องบินขนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งนับหมื่น ไปลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ในวันพรุ่งนี้ โดยพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ หรือพรรคอัมโนของเขา กล่าวว่า เที่ยวบินถูกเหมาโดยกลุ่มผู้สนับสนุน ไม่ใช่สำนักนายกรัฐมนตรีของนายอันวร์ พวกเขาพยายามที่จะช่วยเหลือประชาชนให้กลับบ้านได้สะดวกเพื่อไปลงคะแนนเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พรรคฝ่ายค้าน กล่าวว่า มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งที่สูสีที่สุดตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2510 ส่วนนักวิจัยคนหนึ่งพบพิรุธ มีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งอายุเกิน 100 ปีจำนวนมาก ในรัฐซาบาห์ ทางตะวันออกของประเทศ ขณะที่ กรรมาธิการจัดการเลือกตั้ง กล่าวว่า ได้ทำทุกอย่างแล้วเท่าที่สามารถทำได้เพื่อรับประกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะขาวสะอาดที่สุดในประวัติศาสตร์มาเลเซีย
แต่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างมีคะแนนนิยมสูสีกันในผลการสำรวจความคิดเห็น ข้อกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง อาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจกระทบต่อผลเลือกตั้งได้

 


ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ปรากฏว่า หลังปิดหีบลงคะแนนผ่านไปประมาณ 9 ชั่วโมง และนับบัตรได้กว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมด พรรคร่วมรัฐบาลในนาม แนวร่วมแห่งชาตินำโดยพรรคอัมโนของ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค คว้าชัยชนะได้สำเร็จ เมื่อได้ ส.ส. เข้าสู่รัฐสภาแล้วอย่างน้อย 127 ที่นั่ง ครองเสียงข้างมากจากทั้งหมดในรัฐสภา 222 ที่นั่ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเอกเทศ ขณะที่แนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค นำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม ได้ ส.ส. แล้ว 77 ที่นั่ง
นับเป็นชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป 13 ครั้งติดต่อกัน ของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งผูกขาดครองอำนาจเป็นรัฐบาลมาตลอด ตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2500 และเป็นชัยชนะที่ค่อนข้างผิดความคาดหมายก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่สุดจากฝ่ายค้าน
เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติมาเลเซีย เผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนราว 13 ล้านคน ตัวเลขผู้ที่ออกไปใช้สิทธิสูงถึง 80 % หรือกว่า 10 ล้านคน โดยการลงคะแนนมีขึ้นในหน่วยเลือกตั้งกว่า 8,000 หน่วยทั่วประเทศ ระหว่างเวลา 08.00 น. – 17.00 น.
ผลคะแนนรวมพรรคฝ่ายค้านได้ 4.84 ล้านคะแนน พรรครัฐบาลได้ 4.49 ล้านคะแนน แต่ระบบเลือกตั้งมาเลเซียมีแต่แบบแบ่งเขต ทำให้พรรครัฐบาลมาเลเซียยังคงชนะการเลือกตั้งโดยได้ที่นั่ง ส.ส. 133 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ได้ 89 ที่นั่งเพิ่มจากเดิม 7 ที่นั่ง "นาจิป ราซัก" ลั่นถ้าจะร้องเรียนให้ไปฟ้องที่ศาล
ตามที่มาเลเซียจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวานนี้ (5 พ.ค.) นั้น ผลการเลือกตั้งไม่เป็นทางการล่าสุดพรรครัฐบาล "แนวร่วมแห่งชาติ" (Barisan Nasional/BN) ยังคงชนะการเลือกตั้งโดยได้ที่นั่ง ส.ส. 133 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน "ภาคีประชาชน" (Pakatan Rakyat/PR) แม้จะแพ้การเลือกตั้งแต่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเป็น 89 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งคราวก่อน 7 ที่นั่ง
ทั้งนี้เมื่อดูตามผลคะแนนรวมแบบไม่เป็นทางการ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 4.84 ล้านคน ลงคะแนนเลือกพรรคฝ่ายค้าน "ภาคีประชาชน" (PR) หรือคิดเป็นร้อยละ 50.27 ขณะที่มีผู้เลือกพรรครัฐบาล "แนวร่วมแห่งชาติ" (BN) 4.49 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 46.57% นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตั้งประเทศในปี พ.ศ. 2510 ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้พรรคฝ่ายค้านมากกว่าลงคะแนนให้กับพรรครัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้ฝ่ายค้านจะได้คะแนนรวมมากกว่า แต่จะไม่มีผลอะไรสำหรับการตั้งรัฐบาล เพราะระบบการเลือกตั้งมาเลเซียเป็นแบบแบ่งเขต ไม่มี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่า ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมาเลเซียต่างออกมาแสดงความมั่นใจว่า จะเป็นผู้คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีโอกาสแพ้-ชนะเท่ากัน

พรรคร่วมรัฐบาล “แนวร่วมแห่งชาติ” 13 พรรค ที่นำโดยพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ ( อัมโน ) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เป็นหัวหน้าพรรค และนายอันวาร์ อิบราฮิม จากพรรคความยุติธรรมปวงชน ( พีเคอาร์ ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำของแนวร่วม “ปากาตัน รัคยัต” หรือพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค ต่างออกมาแสดงความมั่นใจว่า ตนจะเป็นต้องเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค.นี้แน่นอน

โดยนายอันวาร์ซึ่งขึ้นเวทีปราศรัยทางตอนเหนือของประเทศ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญ เพื่อโค่นล้มอำนาจการผูกขาดทางการเมืองและการคอร์รัปชั่น ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบันกล่าวเพียงว่า ประเทศจะพัฒนาขึ้นกว่านี้แน่นอนในอีก 5 ปีข้างหน้า หากเขาได้รับโอกาสอีกครั้ง

ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนแทบทุกสำนักยกให้การเลือกตั้งครั้งนี้สูสีมาก จนไม่อาจชี้ชัดได้ในเวลานี้ว่า ใครจะมีโอกาสชนะมากกว่ากัน โดยศูนย์วิจัย “เมอร์เดกา” ประเมินว่า ในจำนวนที่นั่ง 222 ที่นั่งในรัฐสภา พรรคอัมโนการันตีแล้วอย่างน้อย 85 ที่นั่ง ขณะที่ปากาตัน รัคยัต น่าจะคว้าไป 89 ที่นั่ง แต่อีก 46 ที่นั่งยังต้องขับเคี่ยวกันอย่างสูสี ส่วนอีก 2 ที่นั่งน่าจะตกเป็นของผู้สมัครอิสระ

ปัจจุบันพรรคอัมโนครองที่นั่งอยู่ในสภา 135 ที่นั่ง อีก 75 ที่นั่งเป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ภายใต้การนำของนายอันวาร์ และนักการเมืองอิสระอีก 2 ที่นั่ง